analyticstracking
Tweet
หัวข้อ
“
ความเครียดและความกังวลของคนไทยต่อสถานการณ์ COVID-19 ณ ปัจจุบัน
”
จากการรายงานยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่พุ่งสูงขึ้นเป็นหลักหมื่นในแต่ละวันทำให้
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 63.9 เครียดและกังวลค่อนข้างมากถึงมากที่สุด โดยร้อยละ 72.7 เครียดว่า
ตนเองและครอบครัวจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น และร้อยละ 69.6 เครียดเรื่องการทำมาหากินยากลำบาก
รายได้ลด ถูกเลิกจ้าง หนี้สินเพิ่ม
ทั้งนี้ร้อยละ 46.2 เป็นห่วงว่าหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในไทยยังเพิ่มขึ้น
ยืดเยื้อต่อไปอาจทำให้คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนแย่ลง
ส่วนวิธีคลายเครียดที่นิยมทำมากที่สุดในช่วงนี้คือ ทำงานบ้าน ดูหนัง ฟังเพลง และเล่นเกม
ดีมาก (5)
ดี (4)
ปานกลาง (3)
พอใช้ (2)
แย่ (1)
ผลคะแนนโหวต
กรุงเทพโพลล์โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง
“ความเครียดและความกังวลของคนไทยต่อสถานการณ์ COVID-19 ณ ปัจจุบัน”
โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,194 คน พบว่า
จากการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่พุ่งสูงขึ้นเป็น
หลักหมื่นในแต่ละวันทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 63.9 เครียดและกังวล
ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
ขณะที่ร้อยละ 36.1 เครียดและกังวลค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด
โดยเรื่องที่ประชาชนส่วนใหญ่เครียดและกังวลมากที่สุดคือ กลัว
ตนเองและครอบครัวเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น ร้อยละ 72.7
รองลงมาคือ การ
ทำมาหากินลำบาก รายได้ลด ถูกเลิกจ้าง หนี้สินเพิ่ม ร้อยละ 69.6 และ เชื้อโรคแพร่
กระจาย ยอดผู้ติดเชื้อรายวันมีแนวโน้มสูงขึ้น ร้อยละ 48.9
ทั้งนี้กิจกรรมคลายเครียดช่วง COVID-19 ที่นิยมทำมากที่สุด คือ
ทำงานบ้าน ร้อยละ 50.0
รองลงมาคือ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ร้อยละ 49.6 และ
ปลูกต้นไม้ ปลูกพืชสวนครัว ร้อยละ 44.2
สำหรับเรื่องที่ประชาชนห่วงและกังวลมากที่สุด หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
ในไทยยังเพิ่มขึ้นยืดเยื้อต่อไป คือ คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอาจแย่ลง มีโจร ขโมย และ
อาชญากรรมมากขึ้น ร้อยละ 46.2
รองลงมาคือ ระบบสาธารณสุข อาจจะรับมือไม่ไหว ร้อยละ 25.9 และการฟื้นฟู
กิจการต่างๆ เช่น การท่องเที่ยว การนำเข้า ส่งออก อาจทำได้ช้าลง ร้อยละ 12.9
โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. จากการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่พุ่งสูงขึ้นเป็นหลักหมื่นในแต่ละวัน ทำให้
ท่านมีความเครียดและกังวลมากน้อยเพียงใด
ร้อยละ
เครียดและกังวลค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
(โดยแบ่งเป็น เครียดและกังวลค่อนข้างมาก ร้อยละ 31.2 เครียดและกังวลมากที่สุด ร้อยละ 32.7)
63.9
เครียดและกังวลค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด
(โดยแบ่งเป็น เครียดและกังวลค่อนข้างน้อย ร้อยละ 26.3 เครียดและกังวลน้อยที่สุด ร้อยละ 9.8)
36.1
2. จากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในปัจจุบัน ท่านมีความเครียดและกังวลเรื่องใดมากที่สุด
5 อันดับแรก
ร้อยละ
กลัวตนเองและครอบครัวเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น
72.7
การทำมาหากินลำบาก รายได้ลด ถูกเลิกจ้าง หนี้สินเพิ่ม
69.6
เชื้อโรคแพร่กระจาย ยอดผู้ติดเชื้อรายวันมีแนวโน้มสูงขึ้น
48.9
ต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไปไหนมาไหนลำบาก เป็นเวลานาน
41.9
ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ป้องกัน COVID-19
39.4
3. กิจกรรมคลายเครียดช่วง COVID-19 ที่นิยมทำมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ
ร้อยละ
ทำงานบ้าน
50.0
ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม
49.6
ปลูกต้นไม้ ปลูกพืชสวนครัว
44.2
เล่นโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม tiktok
42.4
ออกกำลังกาย
37.0
4. หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในไทยยังเพิ่มขึ้นยืดเยื้อต่อไป
ท่านห่วงและกังวลในเรื่องใดมากที่สุด
ร้อยละ
คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนแย่ลง มีโจร ขโมย และ
อาชญากรรมมากขึ้น
46.2
ระบบสาธารณสุข อาจจะรับมือไม่ไหว
25.9
การฟื้นฟูกิจการต่างๆ เช่น การท่องเที่ยว การนำเข้า ส่งออก อาจทำได้ช้าลง
12.9
ประชาชนเกิดความเครียดสะสมมากขึ้น
7.0
ความกระตือรือร้นในการเรียนและการทำงานลดลง
4.9
กระทบต่อความมั่นใจในการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ
3.1
รายละเอียดการสำรวจ
วัตถุประสงค์การสำรวจ
:
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับความเครียดและกังวลต่อสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบัน
เรื่องที่เครียดและกังวล ตลอดจนวิธีคลายเครียดและเรื่องที่ห่วงกังวลหากสถานการณ์ดังกล่าวยืดเยื้อ ทั้งนี้เพื่อสะท้อนมุมมอง
ความคิดเห็นของประชาชนให้สังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
ประชากรที่สนใจศึกษา
:
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์
จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนัก
ด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
:
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน
3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล:
ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Enumeration by telephone) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็น
แบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอนประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) จากนั้นจึงนำแบบสอบถาม
ทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล
:
: 16-18 สิงหาคม 2564
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ:
21 สิงหาคม 2564
สรุปข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง:
ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์
จำนวน
ร้อยละ
เพศ:
ชาย
494
41.4
หญิง
700
58.6
รวม
1,194
100.0
อายุ:
18 – 30 ปี
183
15.3
31 – 40 ปี
240
20.1
41 – 50 ปี
284
23.8
51 – 60 ปี
265
22.2
61 ปีขึ้นไป
222
18.6
รวม
1,194
100.0
การศึกษา:
ต่ำกว่าปริญญาตรี
877
73.5
ปริญญาตรี
276
23.1
สูงกว่าปริญญาตรี
41
3.4
รวม
1,194
100.0
อาชีพ:
ลูกจ้างรัฐบาล
116
9.7
ลูกจ้างเอกชน
259
21.7
ค้าขาย/ ทำงานส่วนตัว/ เกษตรกร
542
45.4
เจ้าของกิจการ/ นายจ้าง
35
2.9
ทำงานให้ครอบครัว
1
0.1
พ่อบ้าน / แม่บ้าน / เกษียณอายุ
163
13.7
นักเรียน/นักศึกษา
34
2.8
ว่างงาน
44
3.7
รวม
1,194
100.0
ติดตามกรุงเทพโพลล์ผ่าน twitter ได้ที่
Download PDF file:
กรุงเทพโพลล์ โทร. 02-407-3888 ต่อ 2897,2898
Email:
bangkokpoll@bu.ac.th
Website:
http://bangkokpoll.bu.ac.th
Twitter:
http://twitter.com/bangkok_poll
Facebook:
www.facebook.com/bangkokpoll
ผลสำรวจเรื่องอื่นๆ